วิธีใช้ social media data ให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด การใช้ประโยชน์จากข้อมูล โดยเฉพาะ “social media data” จะเป็นส่วนช่วยให้ธุรกิจที่กำลังทำอยู่สามารถเติบโตมากขึ้นแบบก้าวกระโดด และเพิ่มขีดความสามารถที่เหนือกว่าในการแข่งขันกับแบรด์อื่นได้
Data-driven marketing คือ การตลาดที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลทั้งภายในและภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากลูกค้า (ภายใน) หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (ภายนอก) เพื่อให้เข้าใจถึงข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ เช่นความชอบ และพฤติกรรมของลูกค้า ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด และพัฒนาสินค้าบริการได้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่จะสร้างรายได้และผลกำไรมากขึ้น
วิธีใช้ social media data ทำธุรกิจ
1. หาโอกาสจากเทรนด์ของโซเชียล และอุตสาหกรรม
โซเชียลมีเดียเทรนด์เกิดจากการพูดถึงและการมีส่วนร่วมจำนวนมากของคนบนโลกออนไลน์ การที่เรื่องไหนดังขึ้นมาแสดงว่าคนกำลังมีความสนใจในเรื่องนั้น ๆ จำนวนมาก ยิ่งเป็นเทรนด์ของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยิ่งมีความสำคัญในการกำหนดทิศทาง วางแผนและพัฒนาเพื่อตอบรับกับโอกาส (opportunity) หรือภัยคุกคาม (threat) ที่เข้ามาในอนาคตได้เป็นอย่างดี
2. ตรวจสอบจุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเองและคู่แข่ง
ข้อมูลบนโซเชียลสามารถช่วยวิเคราะห์ออกมาได้ว่าแบรนด์มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไรบ้าง ทั้งยอดการติดตาม, การมีส่วนร่วมของคนไม่ว่าจะมาจากการกดไลก์, แชร์, คอมเมนต์ของคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งบวกหรือลบ เป็นต้น ลึกไปกว่านั้นคือการมีเครื่องมือ social media analytics ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลของแบรนด์เทียบกับของคู่แข่งเพื่อตรวจสอบ แก้ไขจุดอ่อน และสร้างจุดแข็งให้เหนือกว่าคู่แข่ง
3. ฟังความต้องการของลูกค้า
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่มีสินค้าหรือบริการที่ดีแล้วจะเพียงพอ แต่การออกมาบอกว่าสินค้าช่วยแก้ปัญหา สร้างคุณค่า ตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างไรถึงจะช่วยให้ลูกค้าอยากเลือกซื้อสินค้าบริการจากแบรนด์ของคุณมากกว่าคู่แข่งในตลาดเจ้าอื่น ๆ แบรนด์สามารถดูความต้องการของลูกค้าได้ง่าย ๆ ผ่านคอมเมนต์, #hashtag ที่เกี่ยวข้องหรือทดลองสร้างโพลบนโซเชียลก็ได้เช่นกัน
4. พัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อใช้ข้อมูลบนโซเชียลรับฟังเสียงของคนบนโลกออนไลน์ทั้งความต้องการ ปัญหา ความคิดเห็นที่เสนอแนะเข้ามา สิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยให้แบรนด์สามารถพัฒนาสินค้า และบริการให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานให้ดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดี (customer experience) จนลูกค้านำไปบอกต่อกับคนอื่นต่อไป
5. ทำแผนการตลาดแบบมีประสิทธิภาพ
แผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพเกิดจากการนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์ อีกทั้งการนำผลตอบรับจากแผนงานเก่า หรือผลตอบรับจากแคมเปญของคู่แข่งมาประกอบการตัดสินใจก็จะช่วยให้แคมเปญที่จะทำในอนาคตประสบความสำเร็จ ได้รับผลตอบแทนจากเป้าหมายที่ตั้งไว้มากขึ้น ซึ่งเครื่องมือ social media analytics เองก็ช่วยในการตรวจสอบผลตอบรับจากแคมเปญ และรวบรวมข้อมูลให้ในระยะเวลาไม่นาน
6. ทำคอนเทนต์ที่ลูกค้าสนใจ
คำพูดที่หลายคนคงเคยได้ยินคือ “Content is King” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์ที่ทำมีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าตั้งแต่การค้นพบ เลือกติดตามไปจนถึงตัดสินใจซื้อ ดังนั้นการนำข้อมูลที่เก็บมาจากคอนเทนต์ที่เคยทำมาจะช่วยให้พัฒนาคอนเทนต์ที่ดีขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นการวิเคราะห์ข้อมูลจากคอนเทนต์ของแบรนด์อื่น ๆ ก็จะช่วยให้แบรนด์สามารถนำมาเป็นปรับใช้ให้แบรนด์เกิดการพัฒนาขึ้นได้
7. เลือกกลุ่มเป้าหมาย
ข้อมูลบนโซเชียลทำให้แบรนด์สามารถทราบว่าคนที่เข้ามาในปัจจุบันเป็นใคร มี background เช่น อายุ, เพศ, ความสนใจ อย่างไร แบรนด์เลยสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายทั้งในปัจจุบัน และกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มว่าน่าจะเป็นลูกค้าได้แบบแม่นยำมากขึ้น
8. ตรวจดู crisis ที่เกิดขึ้น
ในปัจจุบัน crisis เกิดขึ้นได้ง่ายมาก และไม่จำเป็นว่าต้องเกิดกับแบรนด์ใหญ่เท่านั้นเพราะคนสามารถแชร์เรื่องราวผ่านโซเชียลได้ตลอดเวลา ดังนั้นการติดตาม crisis จากข้อมูลบนโซเชียลจะทำให้แบรนด์ระมัดระวังเรียนรู้จากปัญหาที่เคยเกิดขึ้นและไม่หลีกเลี่ยงได้ รวมถึงสามารถตรวจดูข้อความและแก้ปัญหาที่อาจจะกลายเป็นประเด็นใหญ่กับแบรนด์ของตัวเองได้
9. ขยับขยายธุรกิจได้อย่างมั่นใจ
ในอนาคตที่แบรนด์ต้องเติบโตมากยิ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น การมีข้อมูลในมือที่ช่วยในการตัดสินใจก่อนขยับขยายไม่ว่าจะเป็นช่องทางใหม่ ๆ, กลุ่มเป้าหมายใหม่หรือประเทศใหม่จะทำให้แบรนด์เติบโตขยับขยายไปได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
10. สร้างกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน
การเริ่มตัดสินใจในองค์กรโดยใช้ข้อมูลเป็นสิ่งสนับสนุนจะทำให้ธุรกิจสามารถสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาวเพราะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปได้ สุดท้ายแล้วธุรกิจก็จะสามารถนำเอาข้อมูลและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ได้อย่างชาญฉลาดเพื่อตอบรับกับยุคดิจิทัลได้อย่างประสบความสำเร็จ